สูตรแกงพะแนงหมูโบราณ กะทิแตกมัน พร้อมเคล็ดลับหอมเข้มข้นแบบชาววัง

สูตรแกงพะแนงหมูโบราณ กะทิแตกมัน พร้อมเคล็ดลับการทำพะแนงให้อร่อยแบบต้นตำรับไทยแท้ ใช้วัตถุดิบสด เคี่ยวกะทิหอมมัน พร้อมส่วนผสมและวิธีทำอย่างละเอียด

สูตรแกงพะแนงหมูโบราณ กะทิแตกมัน พร้อมเคล็ดลับหอมเข้มข้นแบบชาววัง

หลายคนที่ลองทำ สูตรแกงพะแนงหมูโบราณ มักเจอกับปัญหาเรื่องรสชาติที่ไม่กลมกล่อม หรือกะทิไม่แตกมันตามแบบฉบับอาหารไทยแท้ รสชาติที่ควรหอมมันกลมกล่อม กลับออกมาแบนจืด หรือข้นเหนียวเกินไป สิ่งเหล่านี้มักเกิดจากเทคนิคเล็กน้อยที่หลายคนมองข้าม เช่นการใช้ไฟ หรือการเลือกกะทิแท้ ดังนั้นการเรียนรู้สูตรดั้งเดิมที่ให้ผลลัพธ์อร่อยทุกครั้ง จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่อยากเสิร์ฟรสชาติแบบต้นตำรับแท้ เราจะมาแนะนำวิธีทำพะแนงหมูสูตรโบราณ ที่ใช้เครื่องแกงตำเอง พร้อมเคล็ดลับให้กะทิแตกมันหอมฟุ้ง โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรุงสำเร็จรูปเลยแม้แต่น้อย

เคล็ดลับการทำแกงพะแนงหมูให้อร่อยแบบโบราณ

การทำแกงพะแนงหมูให้อร่อยเข้มข้นแบบชาววัง มีหลายเทคนิคที่ควรใส่ใจ ตั้งแต่การเลือกเนื้อหมู จนถึงการเคี่ยวกะทิให้น้ำมันหอมลอยหน้าขึ้นมา เทคนิคเหล่านี้ล้วนเป็นหัวใจของสูตรแกงพะแนงหมูที่หลายคนมองข้าม

เลือกหมูสำหรับพะแนงให้นุ่ม ไม่เหนียว

  • หมูสันคอ: เนื้อนุ่ม มีไขมันแทรกเล็กน้อย ทำให้ไม่แห้งเวลาต้ม
  • หั่นบางเฉียบ: ไม่ควรหั่นชิ้นใหญ่ เพราะจะทำให้เครื่องแกงซึมไม่ทั่ว

ใช้หัวกะทิแท้ เพื่อให้พะแนงแตกมันหอม

  • หัวกะทิคั้นสด: ให้กลิ่นหอมและแตกมันได้ดีกว่ากะทิกล่อง
  • เคี่ยวนานบนไฟกลาง: หมั่นคนเพื่อไม่ให้กะทิไหม้

ตำพริกแกงพะแนงเอง หอมถึงใจ

เครื่องพริกแกงพะแนงต้องตำสดใหม่ มีพริกแห้ง ข่าหั่นบาง ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ผิวมะกรูด เมล็ดผักชี ยี่หร่า กะปิ และลูกผักชีคั่ว โขลกรวมให้ละเอียด จะได้กลิ่นหอมสมุนไพรแท้แบบฉบับดั้งเดิม

ส่วนผสมและวิธีทำพะแนงหมูโบราณ กะทิแตกมัน

ส่วนผสมสำหรับ 3-4 ที่

  • หมูสันคอหั่นบาง 400 กรัม
  • หัวกะทิ 400 มิลลิลิตร
  • หางกะทิ 200 มิลลิลิตร
  • พริกแกงพะแนงสด 3 ช้อนโต๊ะ
  • ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
  • พริกชี้ฟ้าหั่นเส้น 2 เม็ด
  • น้ำปลา 1.5 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือเล็กน้อย

วิธีทำแกงพะแนงหมูแบบโบราณ

  1. เคี่ยวหัวกะทิบนไฟกลางจนเริ่มแตกมัน (ประมาณ 10 นาที)
  2. ใส่พริกแกงพะแนงลงไปผัดกับหัวกะทิให้หอม และสีเข้มขึ้น
  3. ใส่เนื้อหมูที่หั่นไว้ลงผัดจนสุกทั่วกัน
  4. เติมหางกะทิลงไป คนให้เข้ากัน แล้วเคี่ยวต่ออีก 10-15 นาที
  5. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และเกลือ
  6. ใส่ใบมะกรูดและพริกชี้ฟ้าลงไป ยกลงจากเตา พร้อมเสิร์ฟ

ความต่างระหว่างแกงพะแนงหมูโบราณกับพะแนงสมัยใหม่

แกงพะแนงหมูโบราณมักมีรสชาติที่เข้มข้น หอมกลิ่นสมุนไพรไทย เนื่องจากใช้เครื่องแกงสด และไม่มีการเติมผงปรุงรสสำเร็จรูป ขณะที่พะแนงในร้านอาหารหลายแห่งปัจจุบันนิยมใช้พริกแกงสำเร็จ ปรุงรสจัดจ้าน หวานนำหรือเค็มจัด ซึ่งลดความซับซ้อนของกลิ่นสมุนไพรดั้งเดิมลงไปอย่างเห็นได้ชัด

ข้อดีของการทำแกงพะแนงสูตรโบราณ

  • กลิ่นหอมของสมุนไพรไทยแท้
  • รสชาติกลมกล่อม ไม่หวานจัด
  • สุขภาพดี ไม่มีผงชูรส

ข้อควรระวังในการทำพะแนงแบบดั้งเดิม

  • กะทิต้องไม่แตกตัวเร็วเกินไป ควบคุมไฟให้ดี
  • เครื่องแกงควรตำสดใหม่ ไม่ใช่เก็บไว้นาน

เสิร์ฟแกงพะแนงหมูให้อร่อย ต้องคู่กับข้าวสวยร้อนๆ

พะแนงหมูที่เคี่ยวจนหอมมันกำลังดี ควรเสิร์ฟกับข้าวหอมมะลิใหม่ร้อนๆ หรือจะเพิ่มเครื่องเคียงเช่นไข่ดาวกรอบ หรือแตงกวาหั่นบางไว้ตัดรสก็ลงตัวอย่างยิ่ง เป็นเมนูที่เหมาะทั้งกับมื้อเที่ยงและมื้อเย็น

แนะนำการจัดจานให้น่ารับประทาน

  • เสิร์ฟในถ้วยเซรามิกหรือถาดไม้ ให้ลุคแบบอาหารไทยแท้
  • โรยพริกชี้ฟ้าและใบมะกรูดซอยเล็กน้อยก่อนเสิร์ฟ

เพิ่มมูลค่ามื้ออาหารด้วยการเลือกข้าวที่ดี

เลือกใช้ข้าวหอมมะลิใหม่จากแหล่งผลิตคุณภาพสูง เช่นจากจังหวัดสุรินทร์หรือยโสธร จะช่วยให้มื้ออาหารของคุณมีกลิ่นหอมและรสสัมผัสที่ดียิ่งขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ข้าวหอมมะลิ ได้ที่นี่

สรุปสูตรแกงพะแนงหมูโบราณ กะทิแตกมัน พร้อมวิธีทำง่ายที่บ้าน

หากคุณอยากลองรสชาติแบบไทยแท้ การทำพะแนงหมูสูตรโบราณ กะทิแตกมัน คือทางเลือกที่ไม่ควรพลาด ด้วยการใช้วัตถุดิบสดใหม่ เครื่องแกงตำมือ และการเคี่ยวกะทิด้วยไฟที่พอดี ทำให้ได้พะแนงที่เข้มข้น หอมมัน และอร่อยทุกคำที่ตักเข้าปาก ลองนำสูตรนี้ไปทำที่บ้าน แล้วคุณจะพบว่าอาหารไทยโบราณนั้น มีเสน่ห์ไม่แพ้เมนูใดในโลก

หากคุณกำลังมองหาสูตรอาหารไทยโบราณเพิ่มเติม อย่าลืมเข้าชมเว็บไซต์รวมสูตรอาหารไทยที่เชื่อถือได้อย่าง ThaiFoodCookbook ที่นี่คุณจะได้พบกับเมนูเด็ดทุกภาคของประเทศไทย


Scroll to Top